ในยุคที่จีนกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่สำคัญ ประชากรผู้สูงอายุเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผู้สูงอายุจำนวนมากใช้ชีวิตโดยลำพังในบ้านที่ไร้เสียงของลูกหลาน พร้อมกันนั้น การแต่งงานในหมู่คนรุ่นใหม่กลับมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2013 ส่งผลให้อัตราการเป็นโสดของคนจีนเพิ่มขึ้นอย่างน่าจับตามอง เมื่อความเหงาและความเครียดกลายเป็นปัญหาหลักของคนรุ่นใหม่และผู้สูงวัยในจีน การเลี้ยงสัตว์จึงถูกมองว่าเป็นทางออกที่สมบูรณ์แบบ สัตว์เลี้ยงไม่ได้เป็นเพียงเพื่อนคู่ใจ แต่ยังกลายเป็นสมาชิกในครอบครัวที่ช่วยสร้างความสุขและเติมเต็มชีวิตประจำวัน
ปัจจุบันจำนวนสัตว์เลี้ยงในจีน เช่น สุนัขและแมว เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในปี 2022 มีจำนวนสัตว์เลี้ยงถึง 116 ล้านตัว และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 3.7% ต่อปี แสดงถึงความนิยมที่เพิ่มสูงขึ้นในสังคมจีน ซึ่งอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงในจีนเป็นตลาดมหาศาลที่กำลังเติบโต ตามข้อมูลรายงาน China’s Pet Industry White Paper 2023-2024 (Consumption Report) ปี 2023 จาก Petdata หน่วยงานภายใต้ the National Companion Animal (Pet) Standardization Technical Committee, the Pet Industry Branch of the China Animal Husbandry Association, and the Chinese Veterinary Medical Association ของจีนระบุว่า ตลาดสัตว์เลี้ยงในจีนมีมูลค่าถึง 279.3 พันล้านหยวน (ประมาณ 39 พันล้านดอลลาร์) และคาดการณ์ว่า ในปี 2026 มูลค่าจะเพิ่มขึ้นถึง 361.3 พันล้านหยวน ทั้งนี้ห่วงโซ่อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงในจีนครอบคลุมทุกแง่มุมสะท้อนให้เห็นถึงโอกาสผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับสัตว์เลี้ยง เช่น ธุรกิจอาหารและขนม เครื่องประดับและเสื้อผ้าสำหรับสัตว์เลี้ยง ของใช้สำหรับสัตว์เลี้ยง การรักษาพยาบาลและการดูแลสุขภาพ โรงเรียนสัตว์เลี้ยง ที่อยู่อาศัย บริการทางการแพทย์ ไปจนถึงสินค้าและบริการอื่นๆที่ตอบโจทย์ด้านความบันเทิง การขยายตัวของอุตสาหกรรมนี้จึงสะท้อนถึงความสำคัญของสัตว์เลี้ยงในวิถีชีวิตของคนจีน

ที่มาภาพ: https://n.yam.com/Article/20231116729875
จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของจำนวนสัตว์เลี้ยงในปัจจุบัน ผู้คนเริ่มคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงของตนมากยิ่งขึ้น และมีการใช้เงินเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของสัตว์เลี้ยงให้ได้มากที่สุด พฤติกรรมการบริโภคเช่นนี้ จึงแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการขั้นที่สูงขึ้นในอนาคต นอกจากนี้อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงได้นำไปสู่การพัฒนาและสร้างสรรค์แบรนด์ที่นำแนวคิดจากความผูกพันระหว่างคนและสัตว์เลี้ยงมาใช้ ด้วยบทบาทของสัตว์เลี้ยงที่เป็นมากกว่าสัตว์ในบ้าน แต่เปรียบเสมือนสมาชิกคนสำคัญในครอบครัว หลายแบรนด์จึงนำสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสุนัขและแมว มาเป็นองค์ประกอบสำคัญในกลยุทธ์การตลาด เพื่อสร้างความน่าสนใจและความเชื่อมโยงกับผู้บริโภค วิธีนี้ไม่เพียงช่วยดึงดูดความสนใจ แต่ยังส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ แบรนด์ธุรกิจที่นำสัตว์เลี้ยงมาใช้ทำการตลาดได้อย่างน่าสนใจจนเกิดเป็น “เศรษฐกิจสัตว์เลี้ยง” (Pet economy) เห็นได้จาก Starbucks ในประเทศจีนได้เปิดตัวแก้วสองชั้นลายอุ้งเท้าแมวรุ่นลิมิเต็ด ในปี 2019 และ McDonald’s ได้เปิดตัวครอกแมวรุ่นลิมิเต็ด จำหน่ายทางช่องทางออนไลน์ ในปี 2021 ในประเทศจีน

ที่มาภาพ: https://hilight.kapook.com/view/184690
นอกจากนี้ยังมีแบรนด์อาหารฟาสต์ฟู้ดอีกมากมายที่นำเอาธุรกิจสัตว์เลี้ยงมาพัฒนาแบรนด์ของตน ซึ่งในปัจจุบันมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด เช่น VETRESKA (未卡) ร่วมกับ KFC (肯德基) เปิดตัวรุ่นลิมิเต็ด “ถังลับเล็บแมว KFC × VETRESKA (肯德基×未卡猫抓桶)” เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีแบรนด์เครื่องสำอางอย่าง Perfect Diary เปิดตัวพาเล็ตอายแชโดว์โดยมีรูปหมาของ Li Jiaqi (Influencer ชาวจีน) อยู่หน้ากล่องด้วยภาพลักษณ์ของเครื่องสำอางและการออกแบบสินค้าแปลกใหม่ที่โดนใจกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดีทำให้ขายหมดภายในเวลาไม่กี่วินาที และการทำคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงในโลกออนไลน์ที่กำลังมาแรงและมีการนำสัตว์เลี้ยงไปจดทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อนำมาขายเป็นตราสินค้าอีกด้วย อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงยังนำไปสู่วงการแฟชั่น ซึ่งจัดงานอีเว้นท์ขึ้นครั้งแรกในปี 2018 ที่เซี่ยงไฮ้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นถึงแฟชั่นสัตว์เลี้ยงในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงที่กำลังเติบโตของจีน

ที่มาภาพ: https://jingdaily.com/posts/china-social-media-digital-marketing-campaigns-prada-perfect-diary
ความเปลี่ยนแปลงของสังคมจีนไม่เพียงสร้างโอกาสให้กับธุรกิจสัตว์เลี้ยง แต่ยังแสดงให้เห็นถึงบทบาทของสัตว์เลี้ยงที่เป็นมากกว่าเพื่อน ตามข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า,2024 ของไทย ระบุว่า จากรายงานตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ข้อมูลของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA) เผยว่าในปี 2566 มูลค่าการบริโภคอาหารแมว เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 คิดเป็นมูลค่า 71,000 ล้านหยวน (ประมาณ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) ส่วนอาหารสุนัข เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0 คิดเป็นมูลค่า 74,800 ล้านหยวน (ประมาณ 10,500 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในปี 2565 ไทยเป็นอันดับ 3 ของจีนในการนำเข้าอาหารสัตว์เลี้ยง ของมูลค่าการนำเข้าอาหารสัตว์เลี้ยงของจีน ส่วนแบ่งอยู่ที่ร้อยละ 8.02 และในปี 2566 ไทยมีการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงมูลค่าถึง 38.0 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,310 ล้านบาท) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.82 ซึ่งจีนเป็นตลาดส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงอันดับที่ 13 ของไทย นับว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพที่น่าสนใจ ด้วยการเติบโตอย่างต่อเนื่องและการสนับสนุนจากความต้องการของผู้บริโภคหากศึกษาพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายในตลาดพื้นที่นั้นๆ ธุรกิจสัตว์เลี้ยงในจีนมีแนวโน้มที่จะพัฒนาต่อไปอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับเจ้าของสัตว์เลี้ยงในอนาคต
ที่มา:
- https://www.ditp.go.th/ja/post/155233
- https://tpso.go.th/news/2410-0000000008
- https://news.cgtn.com/news/2024-04-23/New-trends-China-s-pet-economy-is-booming-1t2ySp6uEmY/p.html
- https://www.chinadaily.com.cn/a/202401/05/WS6597c71ca3105f21a507acec.html
- https://jingdaily.com/posts/china-social-media-digital-marketing-campaigns-prada-perfect-diary